หน้าหลัก / HOME ติวสอบดอทคอม

หน้าหลัก / HOME ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

คู่มือ สอบครูผู้ช่วย ปี 2566 ครบ ภาค กขค 99 บาท

คู่มือ สอบครูผู้ช่วย ปี 2566 ครบ ภาค กขค 99 บาท
คู่มือ สอบครูผู้ช่วย ปี 2566 ครบ ภาค กขค 99 บาท

ข้อสอบเอกวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีว สุขศึกษา พลศึกษา ชุด 1

ข้อสอบเอกเคมี วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา สุขศึกษาและพลศึกษา ชุด 2

ข้อสอบ วิชาเอก ชุด 3 ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา สุขศึกษาและพลศึกษา

ข้อสอบ ชุด 4 เอกวิทยาศาสตร์ สุขศึกษา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา

ข้อสอบ ชุด 5 เอกสุขศึกษา พลศึกษา วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา

ข้อสอบ ชุด 6 เอกพลศึกษา สุขศึกษา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา วิทยาศาสตร์

ข้อสอบออนไลน์ การสร้างค่านิยม 12 ประการ

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เก็งข้อสอบ ครูผู้ช่วย สังคมศึกษา

สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

ศาสนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สัญลักษณ์ของศาสนาต่าง ๆ
ศาสนา (อังกฤษreligion) หมายถึง ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหนือธรรมชาติ ในหลักอภิปรัชญาว่าทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาดำรงอยู่และจะเป็นเช่นไรต่อไป มีหลักการ สถาบัน หรือประเพณี ที่เป็นที่เคารพโดยทั่วไป แล้วอาจกล่าวได้ว่า ศาสนาเป็นสิ่งที่ควบคุม และประสานความสัมพันธ์ของมนุษย์ ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข คือ ให้มีหลักการ ค่านิยม วัฒนธรรมร่วมกันและวิถีทางที่มนุษย์เลือกใช้ในการดำรงชีวิต ให้สังคมเป็นหนึ่งเดียวกัน มีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยหลักจริยธรรม คุณธรรม ศิลธรรมที่เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
นอกจากการนับถือศาสนาแล้ว ยังมีความเชื่อไม่นับถือศาสนาด้วย เรียก "อศาสนา" (อังกฤษirreligion) และผู้ไม่นับถือศาสนาเรียก "อศาสนิก" (อังกฤษ:irreligious person)

เนื้อหา

  [ซ่อน

ความหมายเชิงนิรุกติศาสตร์[แก้]

สำหรับบางภาษา มีการใช้คำว่าศาสนาแตกต่างกันออกไป และบางภาษาไม่มีคำว่าศาสนาโดยสิ้นเชิง เช่นภาษาสันสกฤต คำว่า ธรรมะ (dharma) อาจใช้เทียบเคียงกับศาสนาได้ แต่มีความหมายโดยทั่วไปว่ากฎหมาย

ความหมายและความสำคัญ[แก้]

  1. บอกถึงหลักอภิปรัชญา ว่าโลกนี้เกิดขึ้นมาจากอะไร และจะเป็นเช่นไร
  2. สอนหลักคุณธรรมศีลธรรมจริยธรรมของมนุษย์ในการอยู่ร่วมกัน
  3. ให้รู้จักการดำเนินชิวิตเช่นไรจึงจะถูกต้อง
  4. มีเป้าหมายในชีวิต เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่เพียงแต่เกิดมาเพื่อกิน และเสพกามเท่านั้น
  5. หลักศรัทธา ว่าทำดีได้รางวัลคือขึ้นสวรรค์ ทำชั่วได้โทษคือตกนรก ทำให้แม้จะลับตาคนไร้กฎหมายก็ไม่ทำชั่วทำแต่ดี
  6. เป็นที่พึ่งทางใจ ในยามชีวิตประสบปัญหาสิ้นหวัง ไร้กำลังใจ หรือปลอบประโลม ผู้สูญเสีย บุคคลอันเป็นที่รัก
  7. เป็นบ่อเกิดแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี

ประวัติ[แก้]

มีความเชื่อว่าศาสนานั้นเกิดมาจากความต้องการเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ นับแต่อดีตมนุษย์จะสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมต้องเกิดขึ้น จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เปลี่ยนแปลงแล้วจะเกิดผลอะไรต่อมาอีก จนนำมาสู่การค้นหาแนวทางต่างๆเพื่อตอบปัญหาเหล่านี้ จนนำมาเป็นความเชื่อและเลื่อมใส ตัวอย่างเช่นศาสนาพุทธ เกิดจากเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นความทุกข์ จึงทรงหาแนวทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยวิธีการต่าง ๆ นา ๆ จนทรงค้นพบอริยสัจ 4 ด้วยวิธีที่ เป็นการฝึกจิตด้วยสติจนถึงซึ่งความรู้แจ้ง ในสรรพสิ่ง และความดับความทุกข์ ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับสิ้นซึ่งกิเลส ทรงสอนให้มนุษย์ ให้ทำบุญ รักษาศีล และภาวนา เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการพ้นทุกข์ของมหาชน อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาในปัจจุบัน คำอธิบายของการเกิดขึ้นและพัฒนาการของศาสนา สามารถแบ่งได้เป็นสี่กลุ่ม[ต้องการอ้างอิง]
  • ศาสนาเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความกลัว ในธรรมชาติที่ตนเองไม่รู้ จนต้องวิงวอนและร้องขอในสิ่งที่อยากได้
  • ศาสนาเกิดจากความไม่รู้สงสัย ในอภิปรัชญาว่าโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และจะเป็นเช่นไรต่อไป
  • ศาสนาเกิดจากความต้องการที่จะสร้างความเชื่อขึ้นมา เพื่อช่วยควบคุมความประพฤติของคนในสังคม ให้สังคมสงบสุข
  • ศาสนาเกิดจากความต้องการที่จะพ้นจากความทุกข์ เช่นความอดอยาก โรคระบาด ความแก่ ความตาย การสูญเสีย

องค์ประกอบ[แก้]

  1. พระเป็นเจ้า (กรณีเป็นเทวนิยม)
  2. ศาสดา
  3. คัมภีร์
  4. นักบวช
  5. ศาสนสถาน
  6. สัญลักษณ์
  7. พิธีกรรม

ประเภท[แก้]

ศาสนาในโลกถึงแม้จะมีมาก แต่ถ้าจัดเป็นประเภทก็ได้เป็น 2 ประเภท คือ

เทวนิยม[แก้]

เชื่อว่ามีเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งหลาย หรือเรียกกันว่าพระเป็นเจ้า มีเพียงพระองค์เดียว เป็นพระผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งและเชื่อกันว่าพระเจ้าอาจติดต่อมนุษย์โดยผ่านผู้เผยพระวจนะหลายคน เช่นอัลลอฮ์ทรงติดต่อกับนบีมุฮัมหมัด พระยาห์เวห์ทรงติดต่อกับโมเสสและพระเยซู ส่วนบางศาสนาก็นับถือพระเจ้าหรือเทพเจ้าหลายองค์ อย่างศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เชื่อว่าพระเจ้าอวตารแยกเป็น 3 องค์เรียกว่าตรีมูรติเป็นต้น

เอกเทวนิยม[แก้]

ทวิเทวนิยม[แก้]

พหุเทวนิยม[แก้]

อเทวนิยม[แก้]

ศาสนาประเภทนี้ ไม่เชื่อในการมีอยู่จริงของพระเป็นเจ้า โดยเชื่อว่าโลกและสรรพสิ่งเกิดขึ้นเองตามกฎของธรรมชาติ เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย ศาสนาประเภทนี้ ได้แก่

กลุ่มของศาสนา[แก้]

ศาสนาอับราฮัม[แก้]

ศาสนาอับราฮัมเป็นศาสนาเอกเทวนิยมที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นลูกหลานของอับราฮัม

ศาสนาอินเดีย[แก้]

ศาสนาอินเดียเป็นศาสนาที่มาจากประเทศอินเดีย

ศาสนาจีน[แก้]

ศาสนาอิหร่าน[แก้]

ศาสนาญี่ปุ่น[แก้]

ปรัชญา[แก้]

ศาสนาของโลกถ้าแบ่งตามลักษณะปรัชญาที่คล้ายคลึงกัน แบ่งได้ 2 ลักษณะ
ศาสนาที่ยึดถือพระเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด
กลุ่นศาสนาที่นิยมเรียกว่า ปรัชญาตะวันตก โดยถือตามอิทธิพลในการรับอารยธรรม ได้แก่ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนายูดาห์ (ยิว) ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาซิกข์ ศาสนาบาไฮ ศาสนาฮินดู
ศาสนากลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือ
  • พระเจ้าคือสิ่งที่ทรงปัญญาสูงสุด และมีอำนาจสูงสุด ที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ถ้าพระองค์ไม่ประสงค์
  • ศาสนิกต้องแสดงความรักหรือภักดีต่อพระเจ้าด้วยการสรรเสริญ ปฏิบัติตามที่พระองค์ประสงค์ที่ได้ตรัสผ่านศาสนทูตของพระเจ้า
  • อาจขอให้ทรงไถ่บาป อ้อนวอนให้ทรงประทานสิ่งที่ดีแก่ชีวิต
  • เชื่อว่าเป็นพระผู้สร้าง สร้างสรรพสิ่ง กำหนดสภาวการณ์ที่เป็นไปของโลก แต่ทรงปล่อยให้มนุษย์เลือกทางแห่งตนเอง โดยจะทรงช่วยเมื่อมนุษย์ลงมือกระทำ
  • ก่อนที่จะเชื่อให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เมื่อเชื่อแล้วอย่าสงสัย เพราะพระเจ้าจะทรงทดสอบจิตใจในศรัทธา
  • เมื่อถึงวันสิ้นโลกพระเจ้าจะทำลายทุกสิ่ง ที่พระองค์สร้างขึ้น และจะชุบชีวิตทุกคนให้ฟื้นคืนชีพมารับฟังคำพิพากษา ผู้เชื่อจะรอด และอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ ผู้ไม่เชื่อ จะถูกลงทัณฑ์ให้ตกนรกชั่วกาล
  • ให้วางใจในพระเจ้า รับพระองค์เข้าไว้ในใจจะพบแต่สันติสุข
ศาสนาที่มุ่งเข้าถึงความจริงสูงสุด
กลุ่มศาสนาที่นิยมเรียกว่าปรัชญาตะวันออก โดยถือตามอิทธิพลในการรับอารยธรรม ได้แก่ศาสนาพุทธทั้งเถรวาทและนิกายเซน ศาสนาเชน ลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื๊อ ศาสนากลุ่มนี้มีลักษณะที่คล้ายกันคือ
  • เชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองตามกฎธรรมชาติ สรรพสิ่งแท้จริงเป็นเพียงความว่างเปล่า
  • ความจริงแท้ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด และไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยหลักตรรกะและอนุมาน
  • การเข้าถึงความจริงแท้ทำได้ด้วยการบรรลุปัญญาญาณ จากการไม่ติดอยู่ในมายาของตรรกะและอนุมาน
  • เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด เชื่อในกฎแห่งกรรม
  • มีหลักคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ที่มักน้อยสันโดษพอเพียง ยึดถือหน้าที่ มีวันัยสูงไม่เห็นแก่ตัว แต่ไม่ยึดติดในสิ่งทั้งปวง มุ่งละกิเลส
  • เชื่อในตัวมนุษย์ว่าเข้าถึงความจริงได้ ทุกสิ่งเกิดจากการกระทำของตนเอง เชื่อในศาสตร์ลี้ลับ (เวทมนตร์ โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์) ว่ามีจริง
  • เชื่อว่าถ้าจิตวิญญาณเข้าถึงความจริงสูงสุดจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
ทั้งสองกลุ่มมีความเชื่อที่ไม่เหมือนกันคือกลุ่มแรกยอมรับว่าองค์สูงสุดมีอยู่จริง เช่นศาสนาคริสต์และอิสลามเรียกองค์สูงสุดว่าพระเจ้า ผู้นับถือมีเป้าหมายเพื่อการเข้าไปรวมอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ส่วนกลุ่มหลังเช่นศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าหรือองค์สูงสุด แต่เชื่อในการมีอยู่ของเทพเจ้า (เหล่าพรหมา) ซึ่งเป็นเทวดาชั้นสูงสุดเรียกว่าพรหม แต่ต่างกันตรงที่ผู้ที่นับถือศาสนาศาสนาพุทธไม่มีเป้าหมายเพื่อการไปรวมอยู่กับพรหม แต่สามารถไปเกิดเป็นพรหมได้ เพราะการรวมอยู่หรือไปเกิดเป็นพรหม เมื่อหมดเหตุปัจจัยก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ อันมีต่ำสุดคือนรก สูงสุดคือพรหม อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทางที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้จึงมีทางเดียวเท่านั้นคือ นิพพาน

ศาสนาในอดีตและปัจจุบัน[แก้]

ศาสนาในโลกอาจแบ่งเป็นศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่ ศาสนาที่ตายแล้ว และศาสนาที่สาบสูญ
  1. ศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่ คือศาสนาที่มีความเป็นสถาบันมีองค์กร มีผู้นับถือเป็นจำนวนมากพอประมาณ มีระบบคำสอน ได้แก่ศาสนาในโลกปัจจุบัน
  2. ศาสนาที่ตายแล้ว คือศาสนาที่เคยมีผู้นับถือ แต่ปัจจุบันแทบไม่มีคนนับถืออีกแล้ว แต่ยังมีหลักฐานให้เรารู้ว่าเคยมีศาสนานี้อยู่ในโลกมาก่อน
  3. ศาสนาที่สาบสูญ คือศาสนาที่เราไม่มีข้อมูลให้รู้ว่าเคยมีศาสนานี้อยู่ในโลกมาก่อน

อดีต[แก้]

ศาสนาที่ตายแล้ว

ปัจจุบัน[แก้]

ศาสนาที่ยังมีชีวิตอยู่

จำนวนผู้นับถือศาสนา ๆ[1][แก้]

  1. ศาสนาคริสต์: 2.1 พันล้านคน – 2.2 พันล้านคน
  2. ศาสนาพุทธ: 500 ล้านคน – 1.9 พันล้านคน[2]
  3. ศาสนาอิสลาม: 1.5 พันล้านคน – 1.6 พันล้านคน [3]
  4. ไม่นับถือศาสนา/เชื่อในวิทยาศาสตร์แบบตายแล้วสูญ/อศาสนา: 1.1 พันล้านคน
  5. ศาสนาฮินดู: 1.0 พันล้านคน – 1.1 พันล้านคน
  6. ศาสนาซิกข์: 23 ล้านคน
  7. ลัทธิจูเช (นับถือคิมอิลซุง) : 19 ล้านคน
  8. นับถือผี: 15 ล้านคน
  9. ศาสนายูดาห์: 14 ล้านคน
  10. ศาสนาบาไฮ: 7 ล้านคน
  11. ศาสนาโซโรอัสเตอร์: 2.6 ล้านคน
  12. ลัทธิเพแกนใหม่: 1 ล้านคน
  13. ขบวนการราสตาฟาเรียน: 6 แสนคน

ตารางเปรียบเทียบศาสนา[แก้]

ชื่อศาสนาศาสดาฉายาลักษณ์พระองค์คัมภีร์สัญลักษณ์ภาพตัวแทนสัญลักษณ์
พระพุทธศาสนาพระโคตมพุทธเจ้าSermon in the Deer Park depicted at Wat Chedi Liem-KayEss-1.jpegพระไตรปิฎกธรรมจักรAshoka Chakra.svg
ศาสนาอิสลามนบีมุฮัมมัดMuhammad 8.jpgอัลกุรอานพระจันทร์เสี้ยวกับดาวStar and Crescent.svg
คริสต์ศาสนาพระเยซูChrist oriental.jpgคัมภีร์ไบเบิลกางเขนHannes Kuhnert Kreuz.svg
ศาสนาฮินดูไม่มีพระศาสดาพระเวทโอมOum.svg
ศาสนาซิกข์คุรุนานักเทพSikh Gurus with Bhai Bala and Bhai Mardana.jpgครันถสาหิพดาบไขว้Khanda.svg

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม ข้อสอบออนไลน์ ภาค ก ข ค

เยี่ยมชมวันนี้